เทียบชัด ๆ รถบรรทุกขนส่ง เครื่องยนต์สันดาป VS พลังงานไฟฟ้า ทางเลือกไหนใช่สำหรับคุณ !

ในยุคที่โลกเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน (Sustainability) ผ่านแนวคิด ESG (Environmental, Social, and Governance) ส่งผลให้อุตสาหกรรมขนส่ง ต่างเริ่มตื่นตัวและตระหนักถึงความสำคัญของ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มากยิ่งขึ้น หลาย ๆ อุตสาหกรรม จึงเริ่มมองหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ นั้นก็คือ การหันมาเลือกใช้ รถบรรทุกขนส่ง พลังงานไฟฟ้า หรือ EV Truck แทนการใช้ รถบรรทุกขนส่ง เครื่องยนต์สันดาป

จากประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้ รถบรรทุกขนส่งเครื่องยนต์สันดาป และ รถบรรทุกขนส่งพลังงานไฟฟ้า กลายเป็นประเด็นร้อน ที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของหลายอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการและบริษัทขนส่ง ในการตัดสินใจระหว่างสองทางเลือกนี้ ที่จะไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อต้นทุน  แต่ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัท ในเรื่องของความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย

สาเหตุที่ ทำไมแนวคิด ESG เป็นจุดที่เปลี่ยนให้รถพลังงานไฟฟ้าเติมโตมากขึ้น ก็สืบเนื่องมากจากการที่ประเทศไทย ตั้งเป้าหมายจะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2065 จากการผลักดันร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแบบคาร์บอนต่ำของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผู้ประกอบการหลายท่านอาจจะเกิดความกังวล กับประเด็นที่ Mr. WHEEL กล่าวมาข้างต้น วันนี้ Mr. WHEEL จึงอยากจะช่วยนำเสนอทางเลือกที่ใช่ สำหรับผู้ประกอบการเองครับ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักความแตกต่างระหว่าง รถบรรทุกขนส่ง เครื่องยนต์สันดาป และ พลังงานไฟฟ้า กันก่อนครับ

รถบรรทุกขนส่ง พลังงานไฟฟ้า คืออะไร

รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า คือ รถบรรทุกขนส่ง ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แทนการใช้เครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้แบบสันดาป โดยจะใช้พลังงานจากไฟฟ้าแทนการใช้พลังอื่น ซึ่งตัวพลังงานจากจะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ที่สามารถชาร์ตไฟฟ้าได้ โดยมีวิธีการทำงานคือ แบตเตอรี่จะจ่ายไฟฟ้ามาที่มอเตอร์เพื่อขับเคลื่อนรถ ซึ่งตัวรถพลังงานไฟฟ้านั้น ไม่ได้มีกลไกลที่ซับซ้อนเหมือนรถเครื่องยนต์สันดาปเลยครับ อีกทั้งยังมีเสียงเครื่องยนต์ที่เงียบมาก ๆ  เนื่องจากกลไกลในการขับเคลื่อนไม่ต้องใช้การจุดระเบิดเพื่อเผาไหม้ จึงทำให้ไม่มีเสียงเวลาขับ และการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้านั้น มีเสียงที่เงียบกว่าเครื่องยนต์มากครับ

** ยี่ห้อรถบรรทุกขนส่งไฟฟ้าที่ให้บริการได้แก่ CP FOTON, FAW, Next point

รถบรรทุกขนส่ง เครื่องยนต์สันดาป คืออะไร

รถขนส่งเครื่องยนต์สันดาป คือ รถบรรทุกขนส่ง ที่ต้องใช้การเผาไหม้ หรือ การจุดระเบิด ส่วนผสมของเชื้อเพลิง ที่เกิดจากน้ำมันและอากาศภายในเครื่องยนต์กลายเป็น อ๊อกซิไดซ์ (Oxidizing) ที่ขยายตัวจนเกิดแรงระเบิดภายในห้องเผาไหม้ และถูกเปลี่ยนให้เป็นพลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อนรถ กล่าวง่าย ๆ ก็คือ เมื่อมีการนำน้ำมันเชื้อเพลิงและอากาศเข้าไปสู่ตัวเครื่องยนต์ และถูกกระตุ้นให้เกิดกระบวนการจุดระเบิดของทั้ง 2 สิ่งนี้ ที่ตัวกระบอกสูบของเครื่องยนต์ ก็จะทำให้เครื่องยนต์หมุนและเกิดการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ครับ

รถบรรทุกขนส่ง เครื่องยนต์สันดาป และ พลังงานไฟฟ้า ต้องใช้งานเท่าไหร่ถึงจะคุ้ม

การจะเปรียบเทียบความต่างของ รถขนส่งเครื่องยนต์สองระบบนี้ ต้องพิจารณาในหลาย ๆ ปัจจัย ทั้ง ต้นทุนเริ่มต้น (ราคาของรถ), อัตราการกินพลังงาน, ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา, รวมไปถึงต้นทุนแฝงอื่น ๆ ด้วยนะครับ

แต่ก็ยังก็ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ รถบรรทุกขนส่ง เครื่องยนต์สันดาป และ พลังงานไฟฟ้า  คือ ประสิทธิภาพในการขับขี่, การเติมเชื้อเพลิงในการใช้งาน, ความสะดวกในการใช้งาน, ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ครับ

ประสิทธิภาพในการขับขี่

รถเครื่องสันดาป (ICE) ถึงแม้ว่า รถเครื่องยนต์สันดาปจะมีการออกตัวที่ช้ากว่า รถพลังงานไฟฟ้า แต่ก็ไม่ได้มีข้อจำกัดในเรื่องของความเร็วปลายที่ต่ำเหมือน รถพลังงานไฟฟ้า แต่ประสิทธิภาพในการขับขี่ของรถเครื่องยนต์สันดาปนั้น มีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเชื้อเพลิงที่ใช้และการวางเครื่องยนต์ที่ส่งกำลังไปยังชุดเกียร์ ผ่านเพลาส่งกำลังไปยังแกนกลาง และลงไปที่ล้อ จนเกิดการเคลื่อนที่ ซึ่งในการส่งกำลังจะเกิดการสูญเสีย ความร้อน-แรงเสียดทาน-ความฝืด สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้พลังงานที่ถูกจ่ายไปจากเดิม 100% จะถูกใช้เพียง 30% เท่านั้นครับ

 รถพลังงานไฟฟ้า (EV) แน่นอนว่า รถพลังงานไฟฟ้า เมื่อเทียบกับ รถเครื่องยนต์สันดาปแล้ว สามารถเร่งความเร็วได้อย่างเต็มประสิทธภาพ เนื่องจากตัวมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถสร้างแรงบิดสูงได้ทันที เมื่อมีการเหยียบคันเร่ง จะมีความสม่ำเสมอและคงที่กว่า เมื่อรถมีการเคลื่อนตัวจะไม่มีเสียงและไม่มีการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ เพราะตัวมอเตอร์ของรถพลังงานไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องส่งพลังงานไปยังส่วนอื่น ๆ ดังนั้น เมื่อพลังงานถูกจ่ายออกมา 100% จึงสามารถใช้พลังงานได้สูงถึง 90% นั้นเองครับ

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

รถเครื่องสันดาป (ICE) มีผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจาก รถเครื่องยนต์สันดาป การมีเผาไหม้ของเครื่องยนต์และปล่อยออกมาทางท่อไอเสีย ซึ่งการปล่อยมลพิษทางอากาศ รวมถึง CO2 และสารมลพิษอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ก่อให้เกิดปัญหาภาวะโลกร้อน

รถพลังงานไฟฟ้า (EV) เนื่องจาก รถพลังงานไฟฟ้า ไม่มีการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ จึงไม่สามารถปล่อย ก๊าซเรือนกระจก ที่เป็นสาเหตุสำคัญอันดับต้น ๆ  ที่ส่งกับผลกระทบสำคัญต่อโลก และการเกิดภาวะโลกร้อน เหมือนรถเครื่องยนต์สันดาป ที่ไม่ใช่เพียงแต่ปล่อยมลพิษทางท่อไอเสียรถเท่านั้น ยังรวมไปถึงกระบวนการผลิตตั้งต้น ตั้งแต่ การสกัดน้ำมัน >> การกลั่นเชื้อเพลิง >> รวมไปถึงการผลิตชิ้นส่วนของตัวรถอีกด้วย

เทคโนโลยีและนวัตกรรม

รถเครื่องสันดาป (ICE) แม้ว่าจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่อง แต่รถเครื่องยนต์สันดาป อาจพบข้อจำกัดในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการลดมลพิษ และยังไม่สามารถเทียบในเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เท่ากับรถพลังงานไฟฟ้าเลยล่ะครับ

รถพลังงานไฟฟ้า (EV) อยู่ในระยะของการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ในด้านของระยะทางการขับขี่และเวลาในการชาร์จพลังงานเท่านนั้นนะครับ แต่ยังรวมถึงการพัฒนาในด้านการขับขี่อัตโนมัติและการเชื่อมต่อในด้านอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้น เทคโนโลยีใหม่ ๆ นี้ ถือเป็นสัญญาว่าอาจมีการปฏิวัติ วิธีที่เราใช้และคิดเกี่ยวกับการเดินทางในอนาคตอีกด้วยนะครับ

ดังนั้นหากจะกล่าวถึง

ความคุ้มทุน ระหว่าง รถบรรทุกขนส่ง เครื่องยนต์สันดาป และ พลังงานไฟฟ้า ต้องพิจารณาในหลาย ๆ ปัจจัย ต้องดูที่ลักษณะของการใช้งานเป็นหลักนะครับ เนื่องจากราคาจากตาราง ข้างต้นอาจจะทำให้ ผู้ประกอบการและเจ้าของบริษัทขนส่ง เป็นกังวลใช่ไหมล่ะครับ ดังนั้น จะพิจารณาจากราคาที่อย่างเดียวไม่ได้ครับ แต่ต้องคำนึงถึงส่วนอื่น ๆ ประกอบด้วย ถึงจะเห็นภาพควมคุ้มค่าที่ชัดเจนมากขึ้น

การนำแนวความคิด ESG (Environmental, Social, and Governance) มาปรับใช้ในอุตสาหกรรมการขนส่ง ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และการมุ่งมั่นในหลักการบริหารการจัดการที่ดีของ หลาย ๆ อุตสาหกรรม เท่านั้นนะครับ แต่ยังถือเป็นประตูสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ในอุตสาหกรรมของผู้ประกอบการและเจ้าของบริษัทขนส่ง ที่ต่างก็ตระหนักถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้ม ความยั่งยืน และ การรับผิดชอบต่อสังคม อย่างแท้จริงครับ